โคลอสเซียม สนามกีฬาใจกลางกรุงโรม

โคลอสเซียม สนามกีฬาใจกลางกรุงโรม

ที่มา : https://www.thaifly.com//ข้อมูลเที่ยว-Travel-Article/ข้อมูลเที่ยวอิตาลี?news_id=600

        โคลอสเซียม (Colosseum) เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมอายุกว่า 1,900 ปี นับเป็นสถาปัตยกรรมขนาดมหึมายิ่งใหญ่อลังการที่สุดของจักรวรรดิโรมัน ใช้เป็นเวทีต่อสู้ของนักสู้ “เกลดิเอเตอร์” (Gladiator) เพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชม และยังเป็นต้นแบบของสิ่งปลูกสร้างในปัจจุบันอีกด้วย

ประวัติของโคลอสเซียม

        โคลอสเซียม (อังกฤษ: Colosseum), โคลิเซียม (อังกฤษ: Coliseum) หรือทวิอัฒจันทร์ฟลาเวียน (อังกฤษ: Flavian Amphitheatre; ละติน: Amphitheatrum Flavium; อิตาลี: Anfiteatro Flavio หรือ Colosseo) เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจของเวสปาเรียน จักรพรรดิโรม พระองค์เริ่มครองราชย์ในปี ค.ศ. 69 และด้วยความต้องการที่จะหล่อหลอมราชวงศ์ขึ้นใหม่สำหรับตระกูลของพระองค์ จึงริเริ่มการก่อสร้าง Mega Project ขึ้น และโคลอสเซียมก็เป็นส่วนหนึ่งในนั้น และทำให้โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬาของโรมที่ใหญ่ที่สุดและแพงที่สุดเท่าที่มีการสร้างขึ้น ด้วยทรัพย์สินตั้งแต่โต๊ะไปจนถึงเชิงเทียนทองคำแท้ที่โรมปล้นมาจากการยึดพระวิหารที่เยรูซาเลม โคลอสเซียมนี้สามารถบรรจุคนได้ราว 50,000 คนเลยทีเดียว

          โคลอสเซียม เปิดใช้งานครั้งแรกในปี ค.ศ. 80 สมัยจักรพรรดิติตุส ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ (สร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1) เพื่อเปิดสนามแข่งขันกีฬาต่างๆ ทั้งเกลดิเอเตอร์สู้กันเอง เกลดิเอเตอร์สู้กับสัตว์ป่า เช่น สิงโต กระทิง หมี เป็นต้น และบางครั้งจะมีแสดงการต่อสู้ระหว่างสัตว์ป่าด้วยกันเอง เช่น เสือสู้กับสิงโต กระทิงสู้กับหมี เป็นต้น 

โคลอสเซียม สังเวียนเดือด นักสู้โรมันผู้ยิ่งใหญ่!
ที่มา : https://travel.mthai.com/world-travel/64882.html

            นอกจากนี้โคลอสเซียมได้สะท้อนความสามารถทางสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมโยธาของชาวโรมัน ซึ่งได้นำมาเป็นต้นแบบของสิ่งปลูกสร้างในปัจจุบัน เช่น สนามกีฬาที่มีอัฒจันทร์ล้อมรอบ

            และสำหรับที่มาของคำว่า "โคลอสเซียม" นักประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ยอมรับร่วมกันได้ ทฤษฏีที่คาดกันว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด คือ เรียกตามชื่อรูปปั้นทองแดงขนาดใหญ่ “โคลอสซุส” (Colossus) ของจักรพรรดิเนโร ที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณเดียวกัน

รูปแบบสถาปัตยกรรมของโคลอสเซียม

        จักรวรรดิโรมันได้รับอิทธิพลทางสถาปัตยกรรม มาจากกรีกและอีทรัสกัน (อารยธรรมทางเหนือของโรม ซึ่งกษัตริย์ของโรมในระยะแรกมีพื้นเพมาจากชาวอีทรัสกัน) โดยนํามาประยุกต์ใช้เพื่อสนองความต้องการของโรมที่ เน้นด้านประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสวยงาม

        โครงสร้างของโคลอสเซียมเป็นรูปวงรี มีขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางด้านยาว 188 เมตร และด้านสั้น 156 เมตร มีความสูงรวม 50 เมตร โดยมีอัฒจันทร์ ล้อมรอบสามารถจุคนได้มากถึง 50000 ถึง 70000 คน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ กล่าวกันว่า แรงงานส่วนใหญ่เป็นเชลยชาวยิวที่ถูกกวาดต้อนมาจาก กรุงเยรูซาเล็ม 

        ในการก่อสร้างโคลอสเซียม จักรวรรดิโรมันรับ เอาสถาปัตยกรรมของหัวเสากรีก ทั้ง 3 แบบมาใช้ ดังนี้

ที่มา : https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/242_29-32.pdf

         สำหรับสถาปัตยกรรมของอีทรัสกัน (Etruscan) ที่ชาวโรมนำมาประยุกต์ใช้ในการก่อสร้างโคลอสเซียม คือ ซุ้มโค้ง (arch) ซึ่งใช้หลักการของหินรูปลิ่มทรงสี่เหลี่ยม คางหมูอยู่ตรงกลางเป็นหลักยึด (key stone) หินก้อน อื่นๆ ที่ต่อเชื่อมออกไปจนเกิดวงโค้งเกือกม้า เทคนิคนี้ ทําให้สามารถขยายสัดส่วนของสิ่งก่อสร้างได้ทั้งด้าน กว้างและต้านสูงอย่างไม่มีขีดจํากัด เนื่องจากหินแต่ละ ก่อนจะรับน้ําหนักกันเอง ทําให้สามารถกระจายน้ําหนัก ออกไปด้านข้างได้ดี ซึ่งเห็นได้จากขนาดของโคลอสเซียม ที่ใหญ่โตมาก นอกจากซุ้มโค้งจะช่วยรับน้ําหนักของอัฒจันทร์ แล้ว ยังสามารถช่วยระบายคนเข้าออกสนามได้อย่าง รวดเร็วด้วยช่องทางเข้าออกที่เป็นซุ้มโค้งจํานวน 80 ช่องในแต่ละชั้น    

ที่มา : https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/242_29-32.pdf


การบูรณะโคลอสเซียม

        จากภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวหลายครั้ง และภาวะสงคราม งานบูรณะซ่อมแซมจึงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 217 แต่ก็ถูกทอดทิ้งในเวลาต่อมา หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ของอิตาลี ต่อมา โป๊ปเกรกอเรียส แมกนุส องค์ประมุขคริสตจักรคาทอลิก ในช่วงปี ค.ศ. 590-604 ได้ทำการบูรณะ และเปลี่ยน โลอสเซียม ให้เป็นโบสถ์ สนามประลองยุทธ์อันเลื่องชื่อ จึงกลายเป็นโบสถ์ตั้งแต่นั้นมา จนถึงยุคนโปเลียนขึ้นครองราชย์ ระหว่างปี 1809-1815 โคลอสเซียม ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดอายุกว่า 1,900 ปี

        ล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 1992 ธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ให้งบประมาณบูรณะโคลอสเซียมครั้งใหญ่แล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 2003 และในวันที่ 7 กรกฎาคม 2007 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น 1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ

Colosseum7
ที่มา : http://eurofollowme.com/โคลอสเซียม-1-ใน-7-มหัศจรรย์/

        โคลอสเซียมได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความยิ่งใหญ่และศึกษาสิ่งปลูกสร้างที่น่ามหัศจรรย์ของสนามกีฬากลางแจ้งแห่งนี้ แสดงถึงความชาญฉลาดของโรมที่สามารถประดิษฐ์และสร้างโคลอสเซียมขึ้นมาและยังคงมาจนถึงปัจจุบัน





อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล 
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2563). โคลอสเซียม. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2563, 
        จาก https://th.wikipedia.org/โคลอสเซียม
Oporshady. (2556). โคลอสเซียม สังเวียนเดือด นักสู้โรมันผู้ยิ่งใหญ่!. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2563, 
        จาก https://travel.mthai.com/world-travel/64882.html
สมฤทัย ชรรณษานนท์. (2552). โคลอสเซียม สิ่งมหัศจรรย์ของอาณาจักรโรมัน. สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2563, 
        จาก  https://www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/242_29-32.pdf
บริษัท แฮปปี้ลองเวย์  ทราเวล จำกัด. (2563). โคลอสเซียม (Colosseum). สืบค้นเมื่อ 31 สิงหาคม 2563, 
        จาก https://www.happylongway.com/colosseum/

    

ความคิดเห็น