โมนาลิซา ภาพวาดรอยยิ้มปริศนา

 รอยยิ้มโมนาลิซา


        ภาพวาด "โมนาลิซา" ภาพวาดที่เป็นที่โด่งดังอีกภาพหนึ่งจากศิลปินมืออาชีพ "ลีโอนาร์โด ดา วินชี" ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานในยุคเรเนสซองส์ ซึ่งเป็นที่โด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน และปริศนาที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่นั่นคือ "รอยยิ้ม" ที่ปรากฎอยู่บนใบหน้าของโมนาลิซ่านั้นว่าเธอที่มีความรู้สึกอย่างไรกันแน่ เรามาดูกันว่ามีข้อถกเถียงกันอย่างไรบ้างกันเลย !


ประวัติรูปวาด        

        โมนาลิซา (อังกฤษ: Mona Lisa) หรือ ลาโจกอนดา (อิตาลี: La Gioconda) หรือ ลาโชกงด์ (ฝรั่งเศส: La Joconde) คือภาพวาดสีน้ำมัน สูง 77 เซนติเมตร กว้าง 53 เซนติเมตร เลโอนาร์โด ดา วินชีวาดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ระหว่าง ค.ศ. 1503–1507 เป็นภาพที่มีชื่อเสียงทั่วโลกภาพหนึ่ง เป็นที่รู้จักในฐานะภาพของสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอันเป็นปริศนา ที่ไม่รู้ว่าเธอจะยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้กันแน่ ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของรัฐบาลฝรั่งเศส และเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Musée du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

        ความคิดริเริ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ ดาวินชี (Leonardo Da Vinci) ในรูปนี้ก็คือการวาดแบบให้เห็นแค่ 3 ส่วน 4 ของร่างกาย (three-quarter pose) ที่ดูผ่อนคลายและไม่เป็นทางการ ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน การจัดท่าแบบในภาพ โมนา ลิซ่า จะดูธรรมดาและเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันเป็นเหมือนการปฏิวัติวงการในสมัยต้นศตวรรษที่ 16 ก่อนหน้านี้ ภาพเหมือนจะดูแข็งๆและเหมือนถูกจัดวาง โดยจะวาดจากมุมด้านข้างเป็นส่วนใหญ่ การจัดท่าแบบ โมนา ลิซ่า เป็นรากฐานให้เกิดการวาดภาพเหมือนในสไตล์ใหม่ ซึ่งยังคงเป็นมาตรฐานที่นิยมกันอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลานานมากว่า 500 ปีแล้ว


ข้อถกเถียงของ "รอยยิ้ม" 

        1. ตามคำบอกเล่าของ "จิออร์โอ วาซารี" จิตรกร สถาปนิก และ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับศิลปะในสมัยนั้น เขากล่าวไว้ว่า โมนา ลิซ่า ก็คือภรรยาของ ฟรานเชสโก เดล จิโอกอนโด ซึ่งเป็นพ่อค้าไหมที่มั่งคั่งแห่ง เมืองฟลอเรนซ์ ขณะที่ ดาวินซี่ เขียนภาพนี้ซึ่งได้ใช้เวลานานถึง 4 ปี เขาได้ไปว่าจ้าง นักร้อง นักดนตรี และตัวตลกมาให้ความบันเทิงแก่หญิงงามผู้เป็นแบบของ ภาพเขียน เพื่อให้เธอมีรอยยิ้มที่ปราศจากความเศร้าหมอง อย่างไรก็ตามจากคำ บรรยายของ วาซารี ก็เป็นเพียงข้อมูลจากผู้ที่ไม่เคยเห็นภาพเขียนนี้ของ ลีโอนาร์โด แต่อย่างใด

        2. จากหลักฐานอีกแหล่งหนึ่งจาก "อันโตนิโอ เดอ เบอาทิส" ผู้บันทึกปากคำของ ลีโอนาร์โด ใน ค.ศ. 1517 ว่าผู้เป็นแบบในภาพคือสตรีชาว ฟลอเรนซ์ และ จูลีอาโน เดอ เมดิซี่ เป็นผู้ว่าจ้างให้เขียนภาพนี้ จากการที่ ไม่มีหลักฐานปรากฎที่แน่ชัดว่า ใครเป็นแบบให้กับ ลีโอนาร์โดวาดภาพนี้ จึงทำให้มีการตั้งข้อสันนิษฐานกันไป ต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น บุคคลใน ภาพอาจเป็น คอนสตันซ่า คาวารอส หรืออาจจะเป็น อิสซาเบลลา เดสเต ผู้อื้อฉาว หรืออาจเป็นภรรยาลับของ จูลีอาโน เดอ เมดิซี่ ทั้งนี้ ก็เพราะได้ปรากฎว่า มีโมนา ลิซ่า (เปลือย) หลายภาพในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็น ที่โด่งดังมากกับภาพเปลือยของสาวผู้นี้

        3. จากการที่ลีโอนาร์โดเองมีชื่อที่ถูกกล่าวขานกันว่าเขาเป็นพวก รักร่วมเพศ จึงเกิดการสันนิษฐานว่า โมนา ลิซ่า ไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นภาพเหมือนจำแลง เพศของเด็กหนุ่มรูปงามคนใดคนหนึ่ง ซึ่งศิลปินมักเลี้ยงไว้ติดสอยห้อยตามในสตูดิโอ บ้างก็มีการนำภาพเหมือนของ ลีโอนาร์โดมามาเปรียบเทียบกับภาพของ โมนา ลิซ่า แล้วก็สรุปเอาดื้อๆว่าภาพเขียนอันลือชื่อนี้แท้ที่จริงคือ ภาพของ ลีโอนาร์โด ดาวิน ซี่ เองที่แปลงกาย แต่งตัวเป็นสตรีเพศ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่สนับสนุนทฤษีนี้ยังกล่าวเสริม ต่อไปว่า ลายปักขดเชือกที่รอบคอเสื้อของ โมนา ลิซ่า คือลายเซ็นลับของ ดาวินซี่เอง เพราะในภาษาอิตาเลี่ยนคำว่า "ขดเชือก" จะตรงกับคำว่า "วินชีเร่" 

        4. นายแพทย์ Mandeep R. Mehra ผู้อำนวยการศูนย์โรคหัวใจที่เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในผู้คนที่ไปเบียดออกันแน่นเพื่อแย่งชมภาพโมนาลิซาให้ใกล้ที่สุด เขาได้พิจารณารายละเอียดของเธอที่ดูแปลกๆ เธอมีผิวสีเหลือง ผมบาง และรอยยิ้มที่ดูไม่สมดุล

        Mehra สรุปว่า Gherardini Lisa ผู้เป็นนางแบบในภาพนี้กำลังได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคไฮโปไทรอยด์ (Hypothyroidism) ซึ่งเป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมาไม่เพียงพอ อาการของโรค เช่น มือบวม ผมบาง และมีก้อนที่คอ ทั้งหมดปรากฏอยู่ในภาพ

        Mehra อธิบายว่าถ้าได้จ้องมองภาพโมนาลิซาแบบใกล้ชิด คุณจะเริ่มเห็นรายละเอียดที่ผิดปกติหลายอย่าง เช่น ด้านในมุมตาข้างซ้ายของเธอมีตุ่มเล็กๆอยู่ระหว่างท่อน้ำตากับสันจมูก ผมของเธอบางผิดปกติ เธอไม่มีขนคิ้วเลย มือขวาที่วางทับบนมือซ้ายมองเห็นนิ้วชี้บวมอย่างชัดเจน เธอยังมีผิวสีเหลือง ทั้งหมดเป็นอาการของโรคคอพอก

        “หลังจากสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ มันเห็นได้ชัดว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเธอ” Mehra กล่าว “ก้อนที่คออาจเป็นต่อมไทรอยด์ที่โตผิดปกติซึ่งเป็นอาการของการเริ่มเป็นโรคคอพอก รอยยิ้มแปลกๆนั้นอาจเป็นผลจากการไร้สมรรถภาพที่เกิดจากการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ”

        ปริศนารอยยิ้มลึกลับของโมนาลิซาจึงถูกไขด้วยการวินิจฉัยของแพทย์ว่าเป็นโรคไฮโปไทรอยด์นี่เอง Mehra ยังบอกว่าด้วยข้อจำกัดในการรักษาโรคนี้เมื่อช่วงเวลานั้นอาจทำให้ Gherardini Lisa เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยมาก

        เพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยของเขา Mehra ได้ตรวจสอบข้อมูลของชาวเมืองฟลอเรนซ์ในศตวรรษที่ 16 เพื่อหาหลักฐานการเป็นโรคไฮโปไทรอยด์ที่อาจเป็นโรคทั่วไปของผู้คนในเมือง หรืออาจเป็นปัญหาทั่วไปของชาวอิตาลีในยุคเรอเนสซองส์ และพบว่าโรคคอพอกปรากฏอยู่ทั่วไปในภาพเขียนและงานประติมากรรม

        เขาพบว่าอาหารที่กินกันในสมัยนั้นที่ส่วนใหญ่เป็นผักขาดไอโอดีนซึ่งจำเป็นต่อต่อมไทรอยด์อย่างมาก ผักส่วนใหญ่ที่ชาวเมืองฟลอเรนซ์ในยุคเรอเนสซองส์กินกัน อย่างเช่น กระหล่ำดอก กะหล่ำปลี และผักเคลล้วนเป็นอาหารที่ทำให้เกิดโรคคอพอกได้ง่าย

        ดาวินชีไม่ได้เป็นเพียงแค่หนึ่งในจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักกายวิภาคอีกด้วย รายละเอียดพวกนี้มิอาจหลุดรอดสายตาเขาไปได้ ก้อนที่ตาและคอ ผมที่บางผิดปกติ และตาขาวที่เหลืองซีดไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน


โมนาลิซ่าในปัจจุบัน

        เมื่อต้นศตรวรรษที่ 20 ผู้คนรุ่นใหม่ๆ เกือบที่จะไม่ได้แสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และทัศนคติต่อโมนา ลิซ่า เสียแล้ว เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1911 ในเวลา เช้าตรู่ข่าวการโจรกรรมภาพ Mona Lisa ออกจากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ปรากฎต่อมวลชน ซึ่งกว่าจะค้นพบเธอ และจับกลุมผู้โจรกรรมได้ก็ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี ปรากฎว่าคนที่โจรกรรมโมนา ลิซ่าไป ก็คือคนที่ทำความสะอาดในพิพิธภัณฑ์นั่นเอง สถานที่ค้นพบ โมนา ลิซ่า นั้นก็คือเมือง ฟลอเรนซ์บ้านเกิดของเธอนั่นเอง ในปัจจุบันนี้โมนาลิซ่าได้รับการทะนุถนอมเป็นอย่างดี ในตู้กระจกปรับอากาศและกันกระสุน ซึ่งไม่มีใครที่จะสามารถลักพาตัวเธอได้อีกต่อไป มีสิ่งที่น่าสังเกตุก็คือ ตั้งแต่การหายลึกลับของ โมนา ลิซ่าเป็นระยะเวลายาวนานในคราวนั้น มีผู้ที่ไปดูโมนา ลิซ่าบางคนบอกว่า รอยยิ้มของเธอนั้นเปลี่ยนไป โดยที่ตั้งข้อสงสัยว่า เธออาจไม่ใช่ โมนา ลิซ่า ตัวจริง


        ในปัจจุบันรอยยิ้มปริศนาบนรูปวาดโมนาลิซาก็ยังไม่มีบทสรุปที่แท้จริงว่าเป็นเช่นไร คงมีเพียงดาวินชีเท่านั้นที่สามรถให้คำตอบให้เหล่าชนคลายความสงสัย แต่คงเป็นไปไม่ได้และคงเป็นปริศนาไปอีกชั่วกาล




ที่มาของข้อมูล

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. (2020). โมนาลิซา. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2020, จาก: https://th.wikipedia.org/wiki/โมนาลิซา

เอฟวีนิวทัวร์. (2020). ทัวร์ยุโรป ฝรั่งเศส โมนาลิซ่า ทำไมภาพวาดโมนาลิซ่าถึงโด่งดังที่สุดในโลก ?. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2020, จาก: https://www.avenue.co.th/content/18231/ทัวร์ยุโรป-ฝรั่งเศส-โมนาลิซ่า-ทำไมภาพวาดโมนาลิซ่าถึงโด่งดังที่สุดในโลก-

Takieng.com. (2018). ไขปริศนารอยยิ้มลึกลับของโมนาลิซาคือเสน่ห์เย้ายวนใจของสภาวะที่ไม่สมบูรณ์. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2020, จาก: https://www.takieng.com/stories/11277

Tnews Online. (2017). ปริศนาอาถรรพ์ "ดา วินชี่" กับภาพเขียน "โมนา ลิซ่า" ที่ล้ำค่าที่สุดในโลก !!! รอยยิ้มที่แฝงความดำมืดของยุคสมัย และความจริงที่ตามหากว่า 500 ปี. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2020, จาก: https://www.tnews.co.th/variety/349729/ปริศนาอาถรรพ์-ดา-วินชี่-กับภาพเขียน-โมนา-ลิซ่า-ที่ล้ำค่าที่สุดในโลก-!!!-รอยยิ้มที่แฝงความดำมืดของยุคสมัย-และความจริงที่ตามหากว่า-500-ปี

ความคิดเห็น